วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

สมาทานศีล 8

กราบพระ ๓ ครั้ง นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ


มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ ติสะระเณนะสะหะ อัฏฐะ สีลานิยาจามะ
ทุติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ ติสะระเณนะสะหะ อัฏฐะ สีลานิยาจามะ
ตติยัมปิ มะยัง ภันเต วิสุง วิสุง รักขะณัตถายะ ติสะระเณนะสะหะ อัฏฐะ สีลานิยาจามะ


*กรณีว่าคนเดียวให้เปลี่ยน มะยัง เป็น อะหัง และ ยาจามะ เป็น ยาจามิ

(นั่งพับเพียบ ประนมมือ ว่าตามไปทีละบทดังต่อไปนี้)



นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ


พุทธัง สะระนัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระนัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระนัง คัจฉามิ


ทุติยัมปิ พุทธัง สะระนัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระนัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระนัง คัจฉามิ


ตะติยัมปิ พุทธัง สะระนัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระนัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระนัง คัจฉามิ

1. ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ

( คือ เว้นจากการฆ่าสัตว์เองและใช้ผู้อื่นฆ่า)


2. อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
( คือ เว้นจากการขโมยเองหรือใช้ผู้อื่น)


3. อะพรัหมะจะริยา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
( คือ เว้นจากกรรมอันเป็นข้าศึกแก่พรหมจรรย์)


4. มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
( คือ เว้นจากการพูดไม่จริง)


5. สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฎฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
( คือ เว้นจากการดื่มเครื่องดองของเมาอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท )


6. วิกาละโภชะนา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
(คือ เว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล คือ ตั้งแต่เที่ยงวันจนถึงรุ่งอรุณแดงของวันใหม่ )


7. นัจจะคีตะวาทิตะวิสูกะทัสสะนา มาลาคันธะวิเลปะนะธาระณะ มัณทะนะวิภูสะนัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
(คือ เว้นจากการดู ฟัง ฟ้อนรำ ขับร้อง และประโคมดนตรีและทัดทรงตกแต่งร่างกาย ด้วยเครื่องประดับ ดอกไม้หอม เครื่องทา เครื่องย้อมผัดผิวให้งามต่างๆ )


8. อุจจาสะยะนะ มะหาสะยะนา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ
(คือ การนั่งนอนเหนือเตียง ตั่ง มีเท้าสูงเกินประมาณและที่นั่งที่นอนอันสูงใหญ่ ภายในใส่นุ่นและสำลี อาสนะอันวิจิตรไปด้วยลวดลายงามด้วยเงินทองต่างๆ)

อิมานิ อัฏฐะ สิกขาปะ ทานิ
สีเลนะ สุคะติ ยันติ
สีเลนะ โภคะสัมปะทา
สีเลนะ นิพพุติง ยันติ
ตัสมา สีลัง วิโส ธะเยฯ

บ้านอิ่มบุญ